เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 20 ก.ค. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกฯ กล่าวถึงท่าทีของพรรคเพื่อไทย ในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ภายหลังไม่สามารถเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล ได้อีกว่า วันนี้จะมีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ ส่วนจะมีความชัดเจนในการเสนอชื่อตนเป็นนายกฯ หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบเหมือนกันว่าจะเป็นอย่างไร ต้องรอข้อสรุปจากการประชุม
เมื่อถามว่าเสียง สว.ในการโหวตนายพิธาเมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา ชัดเจนว่า สว.ไม่เอาพรรคก้าวไกล ดังนั้นการตั้งรัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทย จะยังมีพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องให้ทีมเจรจาไปเจรจาก่อน ซึ่งจะทราบทิศทางขณะนี้เรายังมีเอ็มโอยูของ 8 พรรคร่วม ดังนั้นต้องพุดคุยและให้เกียรติกัน
เมื่อถามว่าขณะนี้พร้อมถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ ในการโหวตครั้งต่อไปหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ทางพรรคเพื่อไทย มีแคนดิเดตนายกฯ 3 คน ต้องรอให้มีมติจากกรรมการบริหาร (กก.บห.) ว่าจะเป็นใคร ซึ่งแคนดิเดตทุกคนมีความพร้อม
โหวตนายก : เปิดช่องยื่น "ผู้ตรวจการแผ่นดิน" ส่งศาลตีความมติรัฐสภา เสนอชื่อ "พิธา" ซ้ำไม่ได้
"ชัยธวัช" เผย 2 คณะเจรจา "ก้าวไกล-เพื่อไทย" ยังไม่ได้คุยเสนอโหวตนายกฯ รอบ 3
ร้องผู้ตรวจฯแล้ว ปมข้อบังคับรัฐสภาโหวตนายกฯ มีอำนาจเหนือ รธน.หรือไม่
เมื่อถามว่าเมื่อเปลี่ยนเป็นพรรค พท. เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรคร่วมยังเหนียวแน่นหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่าวันนี้ก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่ โดยคณะเจรจาอาจจะไปพูดคุยกันเย็นนี้หรือวันที่ 21 ก.ค. เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีแนวทางว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ รวมถึงอาจมีการเปลี่ยนแปลงในแง่ของแกนนำจัดตั้งรัฐบาลคำพูดจาก ปั่นสล็อตแตกทุกเกม
เมื่อถามว่าการดันนายพิธาเป็นนายกฯ ของพรรคร่วม ถือว่าสิ้นสุดแล้วหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตามที่ฟังดูในทางกฎหมายน่าจะเป็นเช่นนั้น
เมื่อถามย้ำการว่าโหวตชื่อนายกฯ เหมือนเป็นบรรทัดฐานว่าจะเสนอชื่อหนึ่งคนได้เพียงครั้งเดียว ดังนั้นการมีพรรคก้าวไกลอยู่จะส่งผลให้โหวตนายกฯ ไปในทิศทางใด นายเศรษฐา กล่าวว่า มองว่าการเสนอชื่อนายกฯ ครั้งต่อไปต้องคิดให้ดี ต้องมีการเจรจาให้เหมาะสม
เมื่อถามอีกส่วนตัวนายเศรษฐา มองว่าควรจะแพ็กกับพรรคก้าวไกลต่อหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องให้เกียรติคณะเจรจา เพราะตนไม่ได้อยู่ในคณะเจรจา
เมื่อถามว่าหากพรรค พท.ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะทำอย่างไรไม่ให้ม.112 เป็นปัญหา นายเศรษฐา กล่าวว่า มองว่าพรรคที่จะเสนอชื่อนายกฯ ครั้งต่อไป ต้องไม่มีเรื่องของการแก้ไขหรือยกเลิก ม.112 ไม่อย่างนั้นจะไม่ได้รับการสนับสนุนจาก สว.รวมถึงพรรคการเมือง อื่น คณิตศาสตร์ค่อนข้างพื้นฐานมากๆ นับดูก็รู้ว่าเรื่องอะไรเป็นอะไร
เมื่อถามว่ามองว่าวิธีไดที่จะทำให้ม.112 ไม่อยู่ในเงื่อนไขที่จะทำให้คนเข้าใจพรรค พท. มากที่สุดว่าเราไม่ได้หักพรรคก้าวไกล นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนพูดแทนพรรคก้าวไกลไม่ได้ แต่พรรค พท. คงต้องพูดคุยกัน ถ้าเราจะเป็นแกนนำเรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องที่ต้องหยุดลงไป
เมื่อถามว่าหาก เพื่อไทยเป็นแกนนำแล้วไม่แตะ ม.112 ความสัมพันธ์กับพรรคก้าวไกลจะเป็นอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะตนไม่เกี่ยวข้องกับการเจรจา แต่ส่วนตัวคิดว่าหากมีม.112 อยู่ คงไม่ได้รับการสนับสนุนจากหลายๆ พรรค
เมื่อถามอีกว่าหากพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล คิดว่าจะมีพรรคร่วมเข้ามาเติมเสียงเพิ่มขึ้นหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้ตนคิดว่าอาจจะล้ำหน้าไปเล็กน้อย ต้องให้เกียรติ 8 พรรคร่วมรัฐบาลก่อน เพราะ 8 พรรคปัจจุบันก็มีเสียงเยอะ แต่ต้องมาคุยกันอีกครั้งว่าจะตกลงกันอย่างไร
เมื่อถามว่าตัวเลขคณิตศาสตร์ทางที่ง่ายที่สุด ในการจัดตั้งรัฐบาลคือการหาเสียง สว.หรือหาเสียง สส.มาเพิ่ม นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นเรื่องเบื้องต้นมากๆ อย่างไรเสียงสว. 250 เสียงถือเป็นส่วนที่สำคัญในการสนับสนุนให้เป็นนายกฯ
เมื่อถามว่าตัวนายเศรษฐาจะต่อสายพูดคุยกับสว.ได้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนรู้จักสว.แค่คนสองคน เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว คงเป็นเรื่องของหลักการมากกว่า ถ้าตกลงกันได้และพูดคุยกันรู้เรื่อง เชื่อว่าจะได้รับการสนับสนุนจากสว. คิดว่าอย่าเพิ่งข้ามขั้นดีกว่า วันนี้เรายังผูกมัดอยู่กับเอ็มโอยู และต้องให้เกียรติคณะกรรมการเจรจาว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป ถ้าเจรจาแล้วเห็นเป็นอื่นก็ต้องกลับมาคุยในพรรคกันต่ออีก แล้วคงมีการพิจารณาว่าต่อไปเราจะไปอย่างไร แล้วจะไปกับใคร
เมื่อถามว่าคิดหรือไม่ว่าตอนนี้เกมบีบให้พรรค พท. ต้องข้ามขั้ว นายเศรษฐา กล่าวว่า หากตนต้องตอบคำถามนี้อย่างไรก็ต้องคิดอยู่แล้ว เป็นธรรมดา ไม่ได้เป็นโจทย์ที่ซับซ้อนมาก ต่างคนต่างคิดไป แต่สำคัญที่สุดคือคนที่มีอำนาจตัดสินใจกก.บห.คณะเจรจาร่วมต้องเป็นคนพิจารณาให้ดี ส่วนเรามีหน้าที่ที่ต้องทำต่างกันไป อย่างวันนี้ตนเป็นแคนดิเดตนายกฯ ตนก็ต้องเตรียมพร้อมในเรื่องเศรษฐกิจที่ทางพรรคมอบหมายมา
“ตอนนี้ 8 พรรคก็ยังอยู่ด้วยกัน การที่จะมีการเปลี่ยนแปลงข้ามขั้ว หรือจะมีพรรคอื่นเข้ามาเสริมก็ต้องให้เกียรติกับคณะเจรจา ขอให้ใจเย็น มีอีกหลายวันก่อนจะถึงวันที่ 27 ก.ค. เราต้องให้เกียรติกับพรรคร่วม ซึ่งผลการโหวตเมื่อวันที่ 19 ก.ค.เป็นผลที่น่าผิดหวัง แต่ก็ต้องยอมรับและเดินต่อไป” นายเศรษฐา กล่าว
เมื่อถามว่ายังยืนยันคำเดิมอยู่หรือไม่ว่าไม่ว่ากก.บห.จะมีทิศทางการจัดตั้งรัฐบาลอย่างไร ก็พร้อมทำตาม นายเศรษฐา กล่าวว่า “ครับ”
เมื่อถามว่ามีการพูดถึงสูตรที่จะผลักให้พรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน วันนี้มองว่ายังต้องจับมือกับพรรคก้าวไกลไปจนกว่าจะสุดทางไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับว่าสุดคืออะไร สุดทางคือพรรคก้าวไกลไม่สามารถส่งนายกฯได้ ถือว่าสุดทางแล้วหรือยัง อันนี้ต้องฝากไปยังคณะเจรจาของ 8 พรรคว่านี้คือสุดทางหรือยัง ถ้าสุดทางแล้วต้องมาพิจารณาว่าพรรคที่มีคะแนนอันดับสอง จะได้รับการมอบหมายหรือไม่ จะตกลงกันได้หรือไม่ อยากให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี เพราะถึงอย่างไรเราก็ยังร่วมอุดมการณ์กันอยู่ดี
เมื่อถามว่าหากโหวตอย่างไรก็ไม่ได้เพราะยังมีพรรคก้าวไกลอยู่ จำเป็นหรือไม่ที่ต้องผลักพรรคก้าวไกลออก นายเศรษฐา กล่าวว่า คณิตศาสตร์เบื้องต้นลองนับดูแล้วกัน ตนว่าทุกคนรู้อยู่ อย่าให้ตนตอบคำถามนี้ดีกว่า
เมื่อถามย้ำว่าตามคณิตศาสตร์เบื้องต้นที่ว่ามา จะทำตามแนวทางของกก.บห.ยอมเป็นนายกฯ โดยที่ไม่มีพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า อย่าไปถึงจุดนั้น จุดแรกคือ 8 พรรคต้องตกลงกันให้ได้ก่อนว่าขั้นตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร หากมีมติออกมาว่าพรรคเพื่อไทย ได้เป็นแกนนำก็ต้องประชุม กก.บห.ก่อน แล้วก็ต้องเลือกแคนดิเดตนายกฯ และต้องว่าไปตามขั้นตอน ยังมีเวลาอีกหลายวัน
เมื่อถามอีกว่าในการหากเสนอชื่อนายเศรษฐา มั่นใจหรือไม่ว่าเสียง 8 พรรคจะเหมือนเดิม นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนคงไม่ไปก้าวล่วง เพราะหากบอกว่าเขาโหวตให้แล้วเขากลับไม่โหวตให้ ดังนั้นขอไม่ตอบดีกว่า เพราะต้องให้เกียรติพรรคร่วม